รีวิว Mobile Suit Gundam SEED Freedom (2024)

รีวิว Mobile Suit Gundam SEED Freedom (2024)

Mobile Suit Gundam SEED Freedom น่าจะเป็นอนิเมชั่นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ค่อนข้างถูกใจแฟนบอยกันไม่น้อย และการกลับมาอีกครั้งของเรื่องราวระหว่างสงครามหุ่นยนต์ ที่ต้องพูดตามตรงว่าค่อนข้างมีการเล่าเรื่องและฉากต่างๆ ไม่ค่อยดีอย่างที่คิด อะไรก็ดูไม่สมดุลกันไปหมด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงความเป็นสไตล์ออริจินัล และความผูกพันของตัวละครต่างๆ กับคนดูอย่างเราได้เหมือนเดิมจริงๆ เพราะตัวละครทั้งเซตในภาคนี้ถือว่าเป็นการยกเอามาจากเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์มารวมกันถึงสองภาค จนประทับใจกับแฟนเดนตายของเรื่องนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้เลย แม้พล็อตและการเล่าเรื่องจะดูเชยไปแล้วก็ตาม

สำหรับเรื่องราวในภาค โมบิลสูท กันดั้ม ซี้ด ฟรีด้อม จะเป็นเรื่องที่ต่อจากเหตุการณ์ในภาคหลักของ Seed Destiny หลังจาก 1 ปีให้หลัง ที่สงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และองค์กรเดิม Compass ของพวกคิระก็ยังมาแทรกแซงระหว่างการทำสงครามอยู่เรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าจะมีภัยร้ายบางอย่างที่ต้องรอจะเล่นงานอยู่ และอาจจะนำมาซึ่งสงครามที่ยิ่งใหญ่และการสูญเสียที่ไม่อาจคาดคิดอีกครั้ง

ต้องบอกก่อนเลยว่าหากไม่ได้ติดตามตั้งแต่ฉบับอนิเมชั่นมาก่อน เปิดต้นเรื่องมาอาจจะมึนงงกันได้เลยทีเดียว เพราะต้องอาศัยการเรียงข้อมูลอยู่พอสมควร จนเราจะได้เห็นว่าการเล่าเรื่องฉากต่างๆ นั้น ก็จะถาโถมข้อมูลต่างจากแต่ละฝั่งมาให้ผู้ชมแบบไม่หยุด ตัวละครในฉากต่างๆ ก็ดูเหมือนจะมีบทพูดที่เร็วกว่าปกติ จนแทบจะอ่านซับไตเติ้ลไม่ทันกันเลยทีเดียว จนมากระทั่งถึงกลางเรื่องที่รู้สึกว่าค่อยๆ คลี่คลายลงบ้าง พร้อมกับการเปิดตัวละครจากกลุ่มใหม่ที่ให้ผู้ชมอย่างเราได้ทำความรู้จักกันในช่วงหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าโดยรวมของเรื่องนั้นค่อนข้างเดินเรื่องเร็วไปหน่อย แม้ตัวหนังจะมีความยาวเกิน 2 ชั่วโมง เนื้อหาการเล่าเรื่องที่ใส่มาเต็มแบบแน่นเอี๊ยด แต่เมื่อลงดีเทลรายละเอียดดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรซับซ้อนขนาดนั้นเลย

ในมูฟวี่ภาคนี้ถ้ายอมรับกันตรงๆ ก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีความแตกต่างจากภาคทีวีซีรีส์เลยแม้แต่น้อย แถมมันยังทำให้เรามานั่งคิดอีกว่า สงครามนี้จะต้องต่อสู้ไปอีกเท่าไหร่ แล้วเมื่อไหร่มันจะจบสิ้นเสียที เพราะไม่ว่าจะจีบภาคก็ยังคงต่อสู้เหมือนเดิม และยังหาข้อสรุปที่ลงรอยไม่ได้ ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะพยายามใส่มาเซอร์วิสให้กับแฟนบอยก็คงเป็นตัวละครต่างๆ ที่ผลัดกันออกมาให้เราได้หายคิดถึง นั่นก็น่าจะเป็นการเอาใจแฟนๆ ภาคซีดอยู่นั่นเอง อีกอย่างหนึ่งที่อยากให้สังเกตคือเรื่องของมู้ดโทนในภาคนี้ ถือว่าทำออกมาได้แบบมีความเป็นมูฟวี่จริงๆ สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของความเป็นแนวมูฟวี่มากกว่าตอนที่ฉายแบบทีวีซีรีส์อย่างชัดเจน

อีกธีมหนึ่งที่น่าสนใจของเรื่องราวในภาคนี้ คือ ประเด็นในเรื่องของความรักที่ถือว่าค่อนข้างใส่มาเต็มทีเดียวในหลายๆ ฉาก เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์ แถมบทพูดแต่ละประโยคต้องบอกว่าสุดจะเหมือนละครน้ำเน่าเลยก็ว่าได้ มีความเป็นลิเกที่เห็นได้อย่างชัดเจน หรือจะเป็นตัวละครสายโจ๊กบางตัว ที่ก็มีฉากตบมุกตลกได้ยิ้มมุมปากนิดหน่อย เป็นสีสันให้การเล่าเรื่องไม่น่าเบื่อจนเกินไป และสุดท้ายของบทตัวละคร บางตัวที่ทำให้เรากลับมาให้อภัยและหลงรักเข้าในท้ายเรื่องซะอย่างนั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นสไตล์การเล่าเรื่องแบบฉบับของการ์ตูนญี่ปุ่น ใครที่อินก็ดีไป ส่วนใครที่ไม่อินกับอะไรแบบนี้ก็ต้องบอกเลยว่าน่าจะเลี่ยนแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

สรุปโดยรวมก็แนะนำว่าถ้าจะรับชม Mobile Suit Gundam SEED Freedom ในภาคนี้ อาจจะต้องไปทำการบ้านดูในฉบับทีวีซีรีส์ให้ดีเสียก่อน เพราะค่อนข้างใส่รายละเอียดจากเรื่องราวในส่วนนั้นมาเยอะ ทั้งเนื้อเรื่องหลัก การเดินเรื่อง หรือแม้กระทั่งมุกตลก การแซวกันของตัวละครบางตัวที่บอกตามตรงว่า ถ้าไม่ได้ดูเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์มาให้พร้อม จะไม่มีทางเก็ทมุกที่เขาเคยเล่นกันมาก่อนแล้วอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงน่าจะเป็นเหมือนกับอนิเมะญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง ที่ทำภาพมูฟวี่ออกมาเพื่อเซอร์วิสแฟนบอยกันอีกครั้ง เพราะเรื่องราวโดยรวมจนมาถึงบทสรุปก็ยังไม่ได้เดินหน้าสักเท่าไร สำหรับแฟนๆ ที่ติดตามมาอยู่แล้วก็ต้องลองไปรับชมกัน